งาดำ มีคุณประโยชน์มากมาย การรับประทานเป็นอาหารเพื่อสุขภาพอย่างต่อเนื่องเป็นประจำ จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ สามารถช่วยบำรุงร่างกายเกือบทุกสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็น กระดูก ระบบขับถ่าย การบำรุงหัวใจ จึงเหมาะกับทุกวัย แม้กระทั่งเด็ก หรือผู้หญิงที่กำลังก้าวเข้าสู่วัยทอง งาดำจะจำเป็นอย่างมาก เพราะจะช่วยป้องกันโรคภาวะกระดูกพรุนอย่างเป็นอย่างดี
งาดำ สายพันธุ์ไทยที่ถูกวิจัยกว่า 16 ปี
เรียกได้ว่าเป็นกระแสแรงมากในตอนนี้กับงาดำ ที่มีการวิจัยมากว่า 16 ปี กับสายพันธุ์อุบลราชธานี 3 จนได้สายพันธุ์ที่ดีเพราะมีสารสำคัญที่สูงมาก เพราะเป็นธัญพืชอีกชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งสายพันธุ์นี้มีแคลเซียมมากกว่านมวันถึง 8 เท่า มีเซซามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ก็ยังมีสังกะสีที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก ช่วยเพิ่มมวลกระดูก จึงเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย ซึ่งวิจัยแล้วว่าสายพันธุ์อุบลราชธานี 3 ได้สรรพคุณสูงกว่าสายพันธ์ุอื่นๆ
การศึกษาเกี่ยวกับสรรพคุณของงาดำและงาขาว
ที่ช่วยรักษาอาการไอ เป็นการทดลองในเด็กอายุ 2-12 ปี จำนวน 107 คน ที่มีอาการไอจากโรคหวัด โดยให้รับประทานน้ำมันงา 5 มิลลิลิตรก่อนนอนติดต่อกัน 3 วัน เพื่อลดความรุนแรงและความถี่ของการไอ ผลลัพธ์พบว่าในวันแรกอาการไอของเด็กที่รับประทานน้ำมันงาดีขึ้นกว่ากลุ่มรับประทานยาหลอก แต่อยู่ในระดับไม่มากนัก และเมื่อผ่านไป 3 วัน เด็กทั้ง 2 กลุ่มต่างมีอาการดีขึ้น และไม่พบว่าการใช้น้ำมันงาก่อให้เกิดผลข้างเคียงใด ๆศึกษาวิจัยผู้ป่วยที่บาดเจ็บในโรงพยาบาลทั้งหมด 150 คน โดยกลุ่มหนึ่งให้การรักษาด้วยการทาน้ำมันงาควบคู่ไปกับการรักษาปกติ ส่วนอีกกลุ่มให้การดูแลรักษาปกติเพียงอย่างเดียว ผลปรากฏว่าน้ำมันงาช่วยลดความรุนแรงของความเจ็บและส่งผลให้คนไข้รับประทานยาแก้ปวดน้อยลง
คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ค้นพบว่าในเมล็ดงาดำ มีสารเซซามินอยู่ภายในซึ่งสารตัวนี้สามารถที่จะช่วยในการยับยั้งการพัฒนาเซลล์ต้นกำเนิดของเซลล์สลายกระดูก ที่ให้เกิดโรคข้อเสื่อม โรคกระดูกพรุน ได้โดยจะเข้าไปทำให้แคลเซียมประสานกับกระดูกเพิ่มมากขึ้นนอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของโรคสมอง ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดอุดตันในสมองเส้นเลือดแตก ที่ทำให้เป็นโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตโดยสารเซซามินจะเข้าไปช่วยปกป้องเซลล์ประสาทที่ยังดีอยู่ และช่วยฟื้นฟูเซลล์ประสาทที่เสื่อมสภาพสุดท้ายก็เป็นโรคมะเร็ง ที่ถือเป็นโรคที่เกิดมากเป็นอันดับ 1 ในขณะนี้ซึ่งเซลล์มะเร็งนั้นจะแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วเพราะมีเส้นเลือดใหม่ที่เกิดขึ้นมาแล้วไปสร้างการหล่อเลี้ยงให้กับเซลล์มะเร็งนั้นๆ จากนั้นก็จะแพร่กระจายไปเรื่อยซึ่งสารเซซามิน ก็จะเข้าไปปกป้องเซลล์พร้อมกับตัดวงจรหรือลดเส้นเลือดใหม่ที่เป็นน้ำเลี้ยงให้กับเซลล์มะเร็งพร้อมกับค่อยๆ ฟื้นฟูสภาพเซลล์ให้กลับคืนมา
โดยผลการวิจัยในห้องทดลองที่ได้ร่วมกับนักศึกษาปริญญาโท ได้ทดสอบกับไข่ไก่ที่ปกติจากนั้นได้ทำการฉีดเซลล์หรือสารพิษเข้าไป ก็พบว่าไข่ไก่จะเกิดอาการเป็นพิษหรือคล้ายกับการเป็นมะเร็ง จากนั้นก็ทำการฉีดสารเซซามิน เข้าไปก็พบว่าการฟื้นฟูของเซลล์เริ่มกลับคืนมาและได้ทดสอบด้วยการฉีดสารเซซามินเข้าไปในไข่ไก่ปกติ แล้วเมื่อเวลาผ่านไป 6 ชั่วโมงถึงฉีดสารพิษ หรือเซลล์มะเร็งเข้าไป ก็พบว่ามีการปกป้องเซลล์ได้มากกว่าไข่ไก่ที่ไม่ถูกฉีดสารเซซามินอย่างเห็นได้ชัด
ข้อแนะนำและข้อควรระวัง
- เด็กๆ เองรับประทานงาดำและงาขาวที่พบในอาหารปกติได้โดยไม่น่าจะเป็นอันตรายใด ๆ ส่วนการใช้เพื่อรักษาโรคบางชนิด เช่น อาการ ไอ ควรใช้เพียงช่วงสั้น ๆ โดยให้รับประทานน้ำมันงา 5 มิลลิลิตรก่อนนอนติดต่อกันไม่เกิน 3 วัน
- การรับประทานงาดำและงาขาวอาจทำให้ระดับความดันโลหิตลดต่ำเกินไปในผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรระมัดระวังการรับประทานเพราะอาจส่งผลให้ระดับของน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป
- เนื่องจากงาดำและงาขาวอาจส่งผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดขณะผ่าตัดหรือหลังจากรับการผ่าตัดแล้ว ก่อนเข้ารับการผ่าตัดใด ๆ จึงควรหยุดรับประทานอย่างน้อย 2 สัปดาห์
- ผู้รับประทานบางรายอาจมีอาการแพ้ได้ เช่น ลมพิษ ริมฝีเปลือกตาปากบวมแดง คันจมูก หายใจลำบาก ความดันโลหิตลดลงจนช็อกหมดสติ โดยอาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นทันทีหลังจากรับประทาน 90 นาที
- หากรับประทานมากเกินไปจะทำให้เกิดการระบายมากผิดปกติจนนำไปสู่อาการท้องร่วงได้
- งาดำอาจเพิ่มความเสี่ยงการเป็นมะเร็งลำไส้ เนื่องจากมีขนาดเล็กมาก เวลารับประทานเข้าไปบางคนอาจเคี้ยวไม่ละเอียดทุกเม็ดแต่เลือกที่จะกลืนเข้าไปเลย ก่อให้เกิดการอุดตันและนำไปสู่มะเร็งลำไส้ได้
การรับประทานงาดำเพื่อให้มีประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุดก็คือการรับประทานเป็นอาหาร แทนที่จะรับประทานที่เป็นสารสกัด โดยวิธีที่ดีที่สุดก็คือการรับประทานด้วยวิธีการเคี้ยวจะได้ประโยชน์มากที่สุด แต่หากเรานำมาโรยใส่ข้าวหรือใส่เครื่องดื่ม ในบางครั้งอาจจะไม่ได้เคี้ยวด้วยซ้ำ จึงทำให้ร่างกายดูดซึมได้ไม่ดีเท่าที่ควรหรือดูดซึมไม่ได้เลย ซึ่งวิธีการรับประทานก็ง่ายๆ ด้วยการนำงาดำมาใส่กับขนมปังโฮลวีตรับประทานทุกเช้าวันละ 10 ช้อนสำหรับผู้สูงอายุ แต่สำหรับคนวัยทำงานก็วันละ 3-4 ช้อนก็เพียงพอแล้ว หรือจะอยู่ในรูปของน้ำเต้าหู้งาดำก็ได้เช่นกัน แต่การรับประทานที่ดีนั้นควรรับประทานอย่างเหมาะสมพร้อมรับประทานให้ครบ 5 หมู่เพื่อให้ร่างกายได้รับประโยชน์อย่างสูงสุดและหลากหลาย
สรุป
นอกจากการรับประทานงาดำแล้ว สามารถนำเอาน้ำมันงามาใช้นวดทาบริเวณที่มีอาการปวดและรักษาเส้นเอ็นที่บาดเจ็บ เพราะน้ำมันงามีสรรพคุณที่ช่วยนำพาสมุนไพรชนิดอื่นๆ ที่ถูกนำมาผสมดูดซึมเข้าไปได้ดีขึ้น สำหรับการเลือกซื้อเมล็ดงาดำควรเลือกซื้อที่สะอาด ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน ไม่ควรซื้อที่ที่แบ่งขายตามร้านขายของชำ เพราะอาจจะเสี่ยงกับมูลแมลงสาบและแมลงอื่น ๆ และไม่ควรซื้อแบบที่บดสำเร็จมาแล้วเนื่องจากอาจมีเชื้อราติดมาด้วย เมื่อซื้อมาใช้แล้วควรเก็บใส่ขวดปิดฝาให้มิดชิด เพราะถ้าหากทิ้งไว้นานโดยไม่ปิดฝาให้มิดชิดจะทำให้มีกลิ่นเหม็นหืนได้
ข่าวทั่วไปอื่นๆ ที่น่าสนใจ
- HUAWEI ประกาศรายชื่อเกมใหม่ทาง AppGallery
- ฝูงนกพิราบ ยึดข่วงประตูท่าแพหวั่นเป็นพาหะนำโรค
- ฉลามครีบดำ กว่า 18 ตัว โผล่อวดโฉมบริเวณอ่าวมาหยา หมู่เกาะพีพี
- พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศลาออกขอวางมือทางการเมือง
ที่มาของบทความ
- https://www.bepro.in.th
- https://medthai.com
- https://www.disthai.com
- http://okbakery.lnwshop.com
- https://www.technologychaoban.com
ติดตามอ่านข่าวทั่วไปได้ที่ studiolegalemastrolia.com
สนับสนุนโดย ufabet369